วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เรียวอิจิ นักผจญภัยจากแดนปลาดิบ


          มันอาจจะยาวจนน่ารำคาญแต่ก็อยากให้ได้อ่าน กันครับ เพราะหน้าที่การงานทำให้ผมต้องรักษาสถานภาพทางสังคม หาที่แสดงออกไม่ได้จริงๆ นอกจากเพื่อน 2-3คน กับเขียนเล่าในเน็ต
          2 ปีที่แล้ว ผมบังเอิญได้รู้จักคนเกาหลีคนหนึ่งชื่อเรียวอิจิ
ที่รู้จักได้เพราะผมเข้าร้านยาตั้งใจจะไปซื้อแค่ยาดมหลอดเดียว แต่ไปเจอยุนซิกยืนเถียงด้วยภาษามือกับคุณป้าเจ้าของร้าน ผมยืนรอตั้ง 3 นาทียังตกลงกันไม่รู้เรื่อง เลยเดินเข้าไปช่วยเป็นล่ามภาษาอังกฤษให้
          สรุป คือ เรียวอิจิ ท้องเสียแต่เจ้าของร้านคิดว่าปวดท้องจุกเสียด ก็เลยได้ยามาถูกขนานซะที พอผมออกจากร้านเค้าก็เข้ามาขอบคุณ แล้วก็แนะนำตัวว่าชื่อเรียวอิจิ เค้าได้การบ้านวิชา Photography ที่เรียนอยู่ แต่ด้วยความที่เค้าชอบการถ่ายรูป และโชวพาวเพื่อนในห้องว่างานของเค้าต้องไม่ธรรมดาและต้องได้ A ทุกชิ้น เค้าเลยลงทุนใช้ทั้งเงินเก็บตัวเองและทางบ้านออกให้ส่วนหนึ่ง แล้วก็ Backpack คนเดียวมาถ่ายรูปการบ้านที่ประเทศไทยซึ่งเค้าอยากมาตั้งนานแล้ว ในใจผมคิดว่า 
          เรียวอิจิ ไอ้เด็กคนนี้ อายุประมาณ 17-18 ปี สูงกว่า 185 เห็นจะได้ ผิวขาวเนียน กล้าเป็นมัด ๆ แม่งโคตรบ้าดีเดือด ตรงกันข้ามกับหน้าตาเลยนะ คือเค้าจะออกแนวเคป๊อป เหมือนพวกที่ดังๆ อยู่ในตอนนี้เลยครับ!!!!!    แต่ความใจกล้าชนิดที่พี่โทนี่จา  หรือจาพนมยังต้องยกนิ้วให้มัน  
          ก็ทั้งเนื้อทั้งตัวมันมีแค่เป้ใบเดียว กล้องถ่ายรูปแขวนคอ ดิคสำหรับนักท่องเที่ยว แล้วก็มีหนังสือนำเที่ยวเล่มเล็กอีกเล่มหนึ่งแค่นั้นเอง ใส่เสื้อกล้าม กางเกงนักกีฬาสั้น อย่ากับกางเกงใน เป้าตุง
เค้าบอกว่ามีคนหลายคนเล่าให้เค้าฟังว่าคนไทยนิสัยต้อนรับขับสู้คนต่างชาติ  และก็เป็น Land of Smile เค้าเลยรู้สึกอบอุ่นไว้ใจเป็นพิเศษ 
          แต่ผม แย้งไปว่าจะชาติไหนๆ มันก็มีทั้งคนดีคนเลวปะปนกันไป อย่าทำตัวพเนจรมากนักเดี๋ยวเจออันตราย   ยิ่งเค้าเป็นคนต่างชาติตัวคนเดียวด้วยยิ่งน่าเป็นห่วง เค้าก็เปลี่ยนเรื่องคุย คือมันดูเป็นเด็กดื้อมาก เวลาพูดประเด็นที่เค้าไม่ชอบใจเค้าจะเบี่ยงประเด็นทันที เป็นพวกดื้อตาใสน่ะครับ หน้ามันหวานๆ ผมซอยทรงบอยแบนด์เกาหลี แต่เวลาจ้องตารู้เลยว่าเป็นคนหัวแข็งทีเดียว 
          สุดท้ายเลยให้นามบัตรไป...  ก่อนเค้าไปผมบอกว่าถ้าอยากได้เพื่อนเที่ยวหรือมีปัญหาก็โทรหาผมได้.. ..ถ้าผมไม่ติดงานอยู่ ผมยินดีช่วย  และเรียวอิจิก็ โทรมาจริงๆ ในเย็นวันนั้นเลยครับ...
เรียวอิจิ ชวนผมไปนั่งกินข้าวเป็นเพื่อน  และขอปรึกษาเรื่องที่พักว่ามีที่ไหนราคาถูก และสะอาดบ้าง ผมเห็นว่าเค้าเป็นนักศึกษาแล้วก็ดูๆ แล้วท่าทางไม่มีพิษภัย เลยเสนอว่าช่วง 1 สัปดาห์ที่เค้าจะอยู่ที่ไทยจะนอนพักคอนโดผมก็ได้ ผมอยู่คนเดียว จะได้เซฟค่าใช้จ่ายได้ส่วนหนึ่ง แต่มีข้อแม้ว่าทุกวันเค้าจะต้องกลับถึงห้องก่อนเที่ยงคืน ที่ต้องสร้างเงื่อนไขแบบนี้เพราะผมมักจะนอนแล้วและไม่ชอบให้ใครมาเคาะประตูเรียก  
เรียวอิจิ ดีใจยกมือไหว้แล้ว ... พูดภาษาไทยออกมาเลยว่า ขอบ-คุณ-ครับพูดไม่ชัดแต่เห็นเจตนาเลยว่าเค้าพูดออกมาจากใจจริง แล้วผมก็ยื่นมือถือเบอร์ส่วนตัวให้เค้ายืมในขณะที่พักกับผม เผื่อมีอะไรจะได้โทรบอกได้
ช่วงที่อยู่ด้วยกันผมคิดว่าผมหลงรักเรียวอิจิ ไป แล้วแหละครับ ไม่เคยเห็นผู้ชายที่ไหนผิวขาวละเอียดแบบนี้มาก่อน หน้าตามันหล่อเหลา น่ารัก มีเสน่ห์ด้วยแหละ  แต่ก็พยายามข่มใจว่าเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องวางตัวให้ดูดีสมกับวุฒิภาวะ ผมทำงานเอเยนซี่โฆษณาซึ่งมันก็เป็นงานที่รับผิดชอบสูงและหนักหน่วงมากทีเดียว
แต่ทุกวันผมจะพยายามเคลียร์งานให้เสร็จเร็วและทำออกมาให้เนี๊ยบที่สุด เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาตามแก้งานและทำให้เลิกงานได้เร็วขึ้น จะได้มีเวลาตระเวนขับรถพาเรียวอิจิ ไปถ่ายรูปทั่วกรุงเทพ
ค่ำๆ ก็กินข้าวด้วยกัน ส่วนตอนเที่ยงถ้าหาเรื่องแว่บออกไปได้ ก็ต้องออกไปกินกับยุนซิกทุกครั้ 
          วันที่ 4 ของสัปดาห์ผมก็ไม่รู้นึกอะไร จะพาเรียวอิจิ ไปกินอาหารที่ร้านฟูจิ แล้วเค้าก็ทำหน้าบึ้งเลย บอกว่าถ้าจะให้เค้ากินที่นี่ เค้าให้ยอมอดตายดีกว่า แล้วก็เดินสะบัดหันหลังให้ผมเข้าห้องน้ำไปเลย
ผมก็ตามเข้าไปถามเรียวอิจิ ดีๆ ว่า  “What’s wrong with you, Yun-Sik?”  แปลว่า “มีอะไรผิดปรกติ เรียวอิจิ”
          เรียวอิจิ พูดออกมาทำนองว่า ถ้าผมเก่งถึงขนาดทำงานในเอเยนซี่โฆษณาได้ก็น่าจะหาหนังสือประวัติศาสตร์ เอเชียไว้ประดับความรู้รอบตัวซักเล่มนะ ไปร้านหนังสือไหม เค้าจะออกตังค์ซื้อให้ ได้ยินอย่างนี้……………
ผมก็ของขึ้นเหมือนกันถามเค้ากลับไปว่า นั่นหรือคือกิริยาที่เค้าสมควรใช้กับคนที่ให้ความช่วยเหลือเค้า แล้วผมก็เดินหนีขับรถกลับออฟฟิศทันที ข้าวท่งข้าวเที่ยงไม่กินแมร่ง!!!!! มันแล้ว วันนั้นทั้งวันเค้าเงียบไปเลย ไม่โทรหาจนผมกังวลว่าเค้าจะเป็นอะไรหรือเปล่า 
          จน ซัก 2 ทุ่มกว่าๆ เรียวอิจิโทรหาผมร้องห่มร้องไห้ คุยไม่รู้เรื่องเลย ผมบอกให้เค้าตั้งสติดีๆ ใจเย็นๆ จนเค้าเงียบลงถึงจะคุยกันรู้เรื่อง
          สรุป ก็คือตอนนี้เรียวอิจิ อยู่พัทยา นั่งรถเมล์มาจากเอกมัยเพื่อมาถ่ายรูป (ทำได้ไงวะ) แล้วโดนล้วงกระเป๋า ไม่มีเงินติดตัวซักบาท แต่พวกพาสปอร์ตยังอยู่ในกระเป๋าแจ็คเก็ต เค้าจะเอาไปให้ใครช่วยได้บ้าง
          ผมบอกให้เค้าหาป้อมตำรวจนักท่องเที่ยว หรือจุดบริการนักท่องเที่ยวอะไรก็ได้ เค้าบอกว่าเค้าเดินมาไกลมากแล้ว ไม่เจออะไรที่ว่าเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้อยู่ส่วนไหนของพัทยา แล้วก็ร้องไห้อีกรอบ คือ……...ตอนนั้นผมปวดหัวกับเด็กคนนี้มาก อวดเก่ง ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่จะเฉยเสียก็ทำไม่ได้ คนมันรู้จักผูกพันกันแล้ว 

          เมื่อ ก่อนผมเที่ยวพัทยาบ่อยพอจะรู้จักเส้นทางพอสมควร เลยบอกให้เค้าหาสถานที่ ที่คิดว่าเป็นจุดเด่นอะไรก็ได้ในพัทยาเป็นโรงแรม หรือห้างอะไรก็ได้ที่คิดว่าไม่เปลี่ยว แล้วนั่งรออยู่ตรงนั้น ผมขับรถออกจากกรุงเทพไปพลางคุยโทรศัพท์เป็นเพื่อนเค้าไปพลาง จนเค้าบอกว่าตอนนั้นอยู่หน้าห้างที่มีเครื่องบินปักอยู่ ผมค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย เด็กคนนี้แม่งเก่งแฮะเดินมั่วๆ ไปเจอรอยัล การ์เดนได้ยังไง
          ผมจำทางแถวนั้นได้ด้วย เลยคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ระหว่างทางที่ขับรถไปประมาณบางประกงได้ ยุนซิกบอกว่าแบตมือถือเค้ากำลังจะหมดแล้วจะทำยังไงดี 
          ก่อน โทรศัพท์จะตัดไป ผมบอกเค้าว่าเราคงต้องเชื่อใจกันแล้วล่ะ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนเค้าก็ต้องนั่งรอผมตรงนั้น อย่าเฉไฉนอกจุดนั้นเด็ดขาด แม้แค่ 5 นาทีก็อาจทำให้คลาดกันได้ เค้าจะดื้อแค่ไหนผมไม่รู้แต่ครั้งนี้เค้าต้องฟังผมเท่านั้น แล้วก็บอกลักษณะว่าแต่ละคนใส่เสื้อสีอะไรอยู่จะได้หาง่ายขึ้นเพราะมันก็ดึก แล้ว ตกลงกันเสร็จ  เรียวอิจิ รับปากว่าจะนั่งรอตรงนั้นไม่ไปไหนเด็ดขาด 
          ตอน เจอหน้ากันหน้าห้างรอยัล ผมเห็นเรียวอิจิเดินมาซึ่งไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น..มีเพียงกางเกงในคล้ายชุดว่ายน้ำชาย ที่เป้ากางเกงตุงมีขาว.. ขอบด้านข้างสีแดงแป๊ดด ซิกแพ็คเป็นลอนๆ ดูเซ็กซี่
ที่คอสะพายกล้องคู่ชีพของเขามาแต่ไกล ภาพนั้นติดตามผมเลยครับ..มันทำผมแทบจะละลายไปกับความหล่อของเค้า
          เรียวอิจิตะโกน สุดแรงเสียงเรียกชื่อผม แล้ววิ่งพุ่งเข้ากอดผมร้องไห้แงๆๆ และจูบหน้า จูบตาผม เหมือนคนบ้าเลย !!!!
          คนแถวนั้นผ่านไปมอง เห็นมืดๆ นึกว่าคู่เกย์กอดกันอยู่มั้ง
ผมทั้งขำ ทั้งโมโห ทั้งโล่งอก แต่ก็ดีใจที่มันปลอดภัย.... ก็โอเค..
          คืนนั้นเหนื่อยมากครับ ขับรถกลับกรุงเทพไม่ไหว เลยต้องเปิดโรงแรมนอนที่พัทยา คืนนั้นเรียวอิจิ นอน ร้องไห้ทั้งคืน มันพึมพำว่า คิดถึงบ้าน อยากกลับบ้าน พูดซ้ำไปซ้ำมา
ตอนนอนอยู่เรียวอิจิ ก็พูดลอยๆ ขึ้นมาว่า เราจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วนะ เค้าไม่มีปัญญามาเที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ หรอก  ผมก็ถามกลับกวนๆ “So What?” (แล้วไงล่ะคุณ)  แล้วเรียวอิจิ ก็ขึ้นคร่อมผม เข้ามาไซร้คอ ผมก็ผลักเขาออกไปเบาๆ ถามว่า ต้องการอะไรกันแน่ แต่มันตอกกลับได้แทงใจดำยิ่งกว่า มันถามว่าผมต่างหากที่ต้องการอะไร !!!!!
ริมฝีปากของเรียวอิจิ เริ่มประกบที่ริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบา  ความเงี่ยน. !!!! ของผมมันพุ้งพานไป..  เราแลกลิ้น ดูดปากแลกลิ้น กันนัวเนียเลย ผมถอดเสื้อตัวอเอง และกางเกงออกหมด
เรียวอิจิเอาเป้ากางเกงที่ตุง คว.ยแข็งเต็มที่มาถูกไถ่ที่คว.ย.ผม  อยู่สักพัก.. แล้วเค้าก็ถอดอกางเกงในของเขาออก
ผมเหมือนคนบ้า..ทั้งไซร้ ดูด เลีย ทั้งตัวเค้าเลยครับ เรียวอิจิครางเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ  มันยิ่งทำให้ผมตื่นเต้นและเร้าใจมาก  ผมคบกัดหัวหัว และบีบเค้น ด้วยความกระหาย จนหัวมนของค้าแฉะไปด้วยน้ำลาย
เรียวอิจิ ครางว่า "โอ้ว อ้าาาา ซี๊ดดดดดด โอ้ววววววววววว โอ้อออวววววว"
เรียวอิจิ จับผมกด พร้อมกับดันหัวคว.ยยัดเข้าปากผม.. ผมดูด เลียอย่างเมาส์มัน คว.ย.ของเรียวอิจิไม่มีกลิ่นเหม็นอะไรเลย ???  ในทางกลับกันมีกลิ่นหอมของความเป็นชาย
ผมดูดจน เรียวอิจิต้องโก้งตูดด้วยความเสี่ยวซ่านนนน
สักพักผมก้อกดหัวเรียวอิจิ ไปที่คว.ยของผมบ้าง เรียวอิจิก็ไม่ได้แสดงความรังเกียจอะไร
กลับอม เลียให้ผม  แถมอมเป็นอีกต่างหากครับ ที่สำคัญเค้าใช้สิ้นเก่งมากครับ ลิ้นสาก ๆ ของเขาโดนหัวคว.ญผม…. ก้นผมไม่ติดพื้นเลยครับ
สักพักผมก้อกลับมาดูดคว.ยให้เค้าอีกรอบ คราวนี้เค้าครางเสียงดังกว่าเดิมอีกครับ
ผมก้อดูดจนเค้าบอกว่าพอครับ ผมก้อหยิบถุงยางขึ้นมาสวมให้เขา ผมถามเค้าว่าเคยเย็ดตูดไหม
เรียวอิจิ ก้อพยักหน้า เขาใช้นิ้วค่อยๆ แหย่ สอดเข้า สอดออกไปมา ผมเสียวซ่านไปหมด
แล้วเขาลากผมไปที่ขอบเตียง แล้วเค้าก้อยืนคับ เค้าเอาควยยัดไปในรูสวรรค์ผมอย่างช้า ๆ แล้วค่อย ๆ โยก โยกเอา ๆ ๆ ๆ จนเสียงพวงไข่เค้ากระแทกกับประตูสวรรค์ของผมเสียงดังลั่นเลยครับ ป๊าด !!!! ป๊าด !!!! ป๊าด !!!! เป็นจังหวะ
เรียวอิจิกะเด้าผมไปเรื่อย ๆ  แถมแทงสลับซ้ายขวา พอน้ำไกล้แตก
เรียวอิจิทำหน้าแบบเงี่ยนได้อารมณ์มากครับ เค้าหลับตา อ้าปาก แล้วก้อครางกระเส่า ๆ แล้วเค้าก้อชักคว.ญออกมาแตกใส่ปากผม. ผมก็กลืนกินอย่างมีความสุข เขากับผมนอนกอดกันทั้งคืน

          เรียวอิจิ บอกว่า เค้ารู้นะว่าผมเป็นเกย์ตั้งแต่วันแรกแล้ว.. ผู้ชายที่ไหนจะให้ความช่วยเหลือคนแปลกหน้าขนาดนี้ เค้ารู้ตั้งแต่ผมให้นามบัตรเค้าแล้วล่ะ 
          ตอนแรกเรียวอิจิแค่คิดแค่ขำๆ คิดว่าผมคงเต็มใจช่วยเค้านิดๆ หน่อยๆ และพอถึงวันที่เค้าต้องกลับ ก็คงมีความทรงจำดีๆ ให้กันแค่นั้น แต่ตอนที่เรียวอิจิหลงอยู่พัทยาแล้ว
ผมขับรถมารับจากกรุงเทพ ไหนจะเรื่องเงินค่ากลับบ้านอีก เค้ารู้สึกว่ามันเป็นบุญคุณเกินกว่าที่เค้าจะหามาคืนได้หมด เค้าไม่ใช่เกย์ มีแฟนเป็นผู้หญิงแล้ว แต่ไม่รู้เพราะอะไรทำเขาต้องการมีอะไรกับผม แต่ไม่ใช่การตอบแทนบุญคุณ แต่เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ยากเอ่ยเป็นคำพูดได้..
          ผมน้ำตาซึมเลย ไอ้นี่มันบ้าดีจริงๆ อยู่คนเดียวแบบนี้มาสามปีแล้ว เราก็นอนกอดกันจนหลับไป มันเป็นแค่ความสุขเล็กๆ น้อยๆ 
          เย็น วันรุ่งขึ้นผมขาย Campaign ต่อหน้าลูกค้าได้ห่วยจากมาตรฐานเดิมที่เคยทำไว้ เวลาลูกค้ายิงคำถามก็ตอบคำถามแบบตะกุกตะกัก ดูไม่เป็นมืออาชีพเลย จนรุ่นน้องต้องเข้ามาช่วยรับมือ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ผมกลับถึงคอนโด อะไรๆ ที่มันรุงรังก็สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย 
          คิดว่ามันคงทำความสะอาดห้องเป็นการตอบแทน แล้วก็เห็นกระดานไวท์บอร์ดที่ผมเอาไว้จดกำหนดงาน ยุนซิกมันเอาปากกาสีแดงเขียนเป็นตัวอักษรตัวยึกยือๆ ทิ้งเอาไว้ตัวโตๆ ว่า ขอบคุณครับ 
          มือถือที่ผมให้เค้ายืม..ก็วางคืนไว้ให้อีก เห็นแค่นั้นก็เจ็บปวดใจมากพอแล้ว แต่พอเปิดลิ้นชักไปเจอยาดมหลอดที่ผมไปซื้อจากร้านยา ที่ๆ ผมเจอกับเค้าครั้งแรก ผมระเบิดต่อมน้ำตาออกมาเลย คุมตัวเองไม่อยู่แล้ว ตอนนั้นทรมานมาก คิดว่าทำไมวะทำไม รู้จักกันแค่สัปดาห์เดียวทำให้ผมบ้าได้ขนาดนี้
          ร้านยาแม่งก็มีเยอะแยะเสือกรนหาที่ไปเข้าร้านนี้  ถ้าต้องเจ็บแบบนี้ไปซื้อร้านอื่นดีกว่า เป็นห่วงก็เป็นห่วงไม่รู้มันจะกลับถึงบ้านมั้ย ติดต่อกันก็ไม่ได้ สติแตกไปเลยตอนนั้น เป็น 1 เดือนที่ทุลักทุเลมาก
กินเหล้าวันเว้นวันออกไปเที่ยวเทค ซึ่งปกติไม่ค่อยชอบไปอยู่แล้ว ทำงานมีข้อบกพร่อง จนเจ้านายเรียกไปคุย
          และสิ่งที่ผมไม่คาดฝัน เขาส่งเมล์มาบอกว่าเขาเรียนจบแล้ว.. และกำลังจะเดินหางานทำที่กรุงเทพฯ  ปัจจุบันนี้ผมกับเขาอยู่ด้วยกัน..อย่างมีความสุข เรียวอิจิบอกว่ามัน ช่วงเวลาที่มันอยู่ญี่ปุ่นพยายามค้นหาตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถที่จะลืมความสัมพันธ์ระหว่างเค้า กับผมได้ครับ..




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น